จากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รัฐบาลโดยข้อเสนอของฝ่ายสาธารณสุขได้ปรับแนวปฏิบัติสำหรับการเดินทางเข้าประเทศให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อปฏิบัติที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 ดังต่อไปนี้
การปรับแนวปฏิบัติสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศ
ศบค. ได้ปรับแนวปฏิบัติสำหรับการเดินทางเข้าประเทศให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 ตามรายละเอียดดังนี้
1. ให้รับการลงทะเบียนเข้าประเทศของผู้เดินทางประเภท (1) คือผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศ เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจควบคู่กับความมั่นคงด้านสาธารณสุขตามแผนการเปิดประเทศของรัฐบาล และผู้เดินทางเข้าประเทศประเภท (2) คือผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวหรือกิจกรรมอื่น ๆ ตามนโยบายของรัฐบาล โดยผู้เดินทางประเภทที่ (2) ให้รับลงทะเบียนเฉพาะการเดินทางเข้ามาในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวได้แก่ จังหวัดกระบี่ ภูเก็ต พังงา สุราษฎร์ธานี (เฉพาะเกาะเต่า เกาะพะงัน เกาะสมุย) ชลบุรี (เฉพาะอำเภอบางละมุง เมืองพัทยา อำเภอศรีราชา อำเภอสัตหีบ (เฉพาะตำบลนาจอมเทียน ตำบลบางเสร่) และตราด (เฉพาะอำเภอเกาะช้าง)
2. ปรับมาตรการป้องกันโรคของผู้เดินทางประเภท (1) คือผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศ เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจควบคู่กับความมั่นคงด้านสาธารณสุขตามแผนการเปิดประเทศของรัฐบาล ดังนี้
2.1 ต้องมีหลักฐานการจ่ายค่าที่พัก หรือสถานที่กักกันที่ทางราชการกำหนดในวันแรก และหลักฐานการจ่ายค่าตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT-PCR จำนวน 1 ครั้ง รวมถึงค่าชุดตรวจด้วยตัวเอง (ATK) โดยต้องเป็นโรงแรม สถานที่พัก หรือสถานที่กักกันที่มีโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการตามหลักเกณฑ์ที่ทางราชการกำหนด ทั้งนี้หลักฐานการชำระค่าที่พัก หรือสถานที่กักกันในวันแรกสำหรับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศทางน้ำ ต้องให้เป็นไปตามศูนย์ปฏิบัติการมาตรการเดินทางเข้าออกประเทศและการดูแลคนไทยในต่างประเทศร่วมกับศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลกำหนด
2.2 กรณีเดินทางเข้าประเทศทางอากาศ ให้คัดกรองอาการทางเดินหายใจ วัดไข้ และยื่นเอกสารหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคติดต่อ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้
1) กรณีเดินทางโดยสายการบินที่มีเที่ยวบินตรงเข้าประเทศ ให้คัดกรองอาการทางเดินหายใจ วัดไข้ ยื่นเอกสารต่อเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคติดต่อ และทำพิธีการตรวจคนเข้าเมืองที่ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศ
2) กรณีเดินทางโดยสายการบินที่ไม่มีเที่ยวบินตรงเข้าประเทศ และต้องเดินทางด้วยเครื่องบินไปยังสนามบินอื่น ๆ ในประเทศ ให้ผู้เดินทางดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด ดังนี้
ก. ให้คัดกรองอาการทางเดินหายใจ วัดไข้ ยื่นเอกสารต่อเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคติดต่อ และทำพิธีการตรวจคนเข้าเมืองที่ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศจุดแรกที่เดินทางเข้ามา ก่อนเดินทางต่อไปยังสนามบินอื่น ๆ ในประเทศ
ข. ให้คัดกรองอาการทางเดินหายใจ วัดไข้ ยื่นเอกสารต่อเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคติดต่อ และทำพิธีการตรวจคนเข้าเมืองที่ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศ หรือในพื้นที่ของสนามบินปลายทางภายในประเทศ
2.3 กรณีเดินทางเข้าประเทศทางบกและทางน้ำ ให้คัดกรองอาการทางเดินหายใจ วัดไข้ ยื่นเอกสารต่อเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคติดต่อ และทำพิธีการตรวจคนเข้าเมืองที่ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศ หรือในพื้นที่ที่ทางราชการกำหนด
2.4 ให้เดินทางไปยังโรงแรม สถานที่พัก สถานที่กักกัน หรือสถานที่ที่โรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการกำหนด ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่หรือจังหวัดที่ทางราชการกำหนด เพื่อตรวจหาเชื้อโควิด 19 โดยวิธี RT-PCR 1 ครั้ง โดยพาหนะที่จัดไว้เฉพาะ และไม่แวะพักหรือหยุดพักในที่ใด ๆ (Sealed Route) ภายในเวลาไม่เกิน 5 ชั่วโมง โดยในระหว่างที่รอผลตรวจห้ามออกนอกสถานที่พัก กรณีมีเด็กอายุไม่ถึง 6 ปี ที่เดินทางมากับผู้ปกครอง สามารถตรวจหาเชื้อด้วยน้ำลายได้
1) กรณีผลตรวจ RT-PCR ในครั้งแรกยืนยันไม่พบเชื้อ ผู้เดินทางสามารถเดินทางในประเทศได้ โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด และให้โรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการของโรงแรม สถานที่พัก หรือสถานที่กักกัน มอบชุดตรวจด้วยตัวเอง (ATK) สำหรับการตรวจหาเชื้อด้วยตัวเองในวันที่ 5 หรือ 6 ของระยะเวลาที่อยู่ในประเทศ หรือเมื่อรู้สึกมีอาการระบบทางเดินหายใจ โดยผู้เดินทางต้องรายงานและบันทึกผลการตรวจหาเชื้อด้วยตัวเองในแอปพลิเคชัน หรือระบบที่ทางราชการกำหนด
2) กรณีผลการตรวจ RT-PCR พบเชื้อ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคติดต่อทันที และให้โรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการดูแลรักษาตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด หรือประสานส่งต่อไปสถานพยาบาลที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยผู้เดินทางเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจและรักษาพยาบาลทั้งหมด หรือเป็นไปตามข้อตกลงเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายระหว่างสถานที่พักกับผู้เดินทาง หรือเป็นไปตามสิทธิในการตรวจรักษาพยาบาลตามที่กฏหมายบัญญัติ
3. ปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศประเภท (2) คือผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวหรือกิจกรรมอื่น ๆ ตามนโยบายของรัฐบาล ที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวได้แก่ จังหวัดกระบี่ ภูเก็ต พังงา สุราษฎร์ธานี (เฉพาะเกาะเต่า เกาะพะงัน เกาะสมุย) ชลบุรี (เฉพาะอำเภอบางละมุง เมืองพัทยา อำเภอศรีราชา อำเภอสัตหีบ (เฉพาะตำบลนาจอมเทียน ตำบลบางเสร่) และตราด (เฉพาะอำเภอเกาะช้าง) โดยให้มีหลักฐานที่ใช้ในการเดินทางเข้าประเทศ การตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR จำนวน 1 ครั้ง และการเดินทางระหว่างอยู่ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้
3.1 ต้องมีหลักฐานการชำระค่าที่พักหรือสถานที่กักกันที่ทางราชการกำหนด ไม่น้อยกว่า 7 วัน หลักฐานค่าตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT-PCR จำนวน 1 ครั้ง ค่าชุดตรวจด้วยตัวเอง (ATK) โดยต้องเป็นโรงแรม สถานที่พัก หรือสถานที่กักกันที่มีโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการตามหลักเกณฑ์ที่ทางราชการกำหนด และให้บังคับใช้เงื่อนไขนี้กับผู้เดินทางที่มีสถานที่พำนักอยู่ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวด้วย
3.2 ให้เดินทางไปยังโรงแรม สถานที่พัก สถานที่กักกัน หรือสถานที่ที่โรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการกำหนด ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวที่ทางราชการกำหนด เพื่อตรวจหาเชื้อโควิด 19 โดยวิธี RT-PCR 1 ครั้ง โดยพาหนะที่จัดไว้เฉพาะและไม่แวะพักหรือหยุดพักในที่ใด ๆ (Sealed Route) ภายในเวลาไม่เกิน 5 ชั่วโมง โดยในระหว่างที่รอผลตรวจห้ามออกนอกสถานที่พัก กรณีมีเด็กอายุไม่ถึง 6 ปี ที่เดินทางมากับผู้ปกครอง สามารถตรวจหาเชื้อด้วยน้ำลายได้
1) กรณีผลตรวจ RT-PCR ในครั้งแรกยืนยันไม่พบเชื้อ ผู้เดินทางสามารถเดินทางในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวได้โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด และให้โรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการของโรงแรมหรือสถานที่พักมอบชุดตรวจด้วยตัวเอง (ATK) สำหรับการตรวจหาเชื้อด้วยตัวเองในวันที่ 5 หรือ 6 ของระยะเวลาที่อยู่ในประเทศ หรือเมื่อรู้สึกมีอาการระบบทางเดินหายใจ โดยผู้เดินทางต้องรายงานและบันทึกผลการตรวจหาเชื้อด้วยตัวเองในแอปพลิเคชัน หรือระบบที่ทางราชการกำหนด
2) กรณีผลการตรวจ RT-PCR พบเชื้อ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคติดต่อทันที และให้โรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการดูแลรักษาตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด หรือประสานส่งต่อไปสถานพยาบาลที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยผู้เดินทางเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจและรักษาพยาบาลทั้งหมด หรือเป็นไปตามข้อตกลงเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายระหว่างสถานที่พักกับผู้เดินทาง หรือตามสิทธิในการตรวจรักษาพยาบาลตามที่กฏหมายบัญญัติ
3.3 กรณีผู้เดินทางในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดกระบี่ ภูเก็ต พังงา สุราษฎร์ธานี (เฉพาะเกาะเต่า เกาะพะงัน เกาะสมุย) หากผลการตรวจ RT-PCR ในครั้งแรกไม่พบเชื้อ ผู้เดินทางสามารถเดินทางในกลุ่มจังหวัดดังกล่าวได้สามารถเปลี่ยนโรงแรม สถานที่พัก หรือสถานที่กักกันตามที่ราชการกำหนดได้ไม่เกิน 3 แห่ง โดยต้องอยู่ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวเท่านั้น
4. ให้ปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศในประเภท (1) คือ ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจควบคู่กับความมั่นคงด้านสาธารณสุขตามแผนการเปิดประเทศของรัฐบาล ประเภท (2) คือ ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวหรือกิจกรรมอื่น ๆ ตามนโยบายของรัฐบาล ประเภท (4) คือ ผู้ขนส่งสินค้าตามความจำเป็น ที่เมื่อเสร็จภารกิจแล้วให้เดินทางออกนอกประเทศโดยเร็ว ประเภท (5) คือ ผู้ควบคุมยานพาหนะหรือเจ้าหน้าที่ประจำยานพาหนะซึ่งจำเป็นต้องเดินทางเข้ามาตามภารกิจและมีกำหนดเวลาเดินทางออกนอกประเทศชัดเจน และประเภท (6) คือ ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมโรคในสถานที่กักกันที่ทางราชการกำหนด โดยผู้เดินทางตามที่กล่าวมานี้ต้องมีหลักฐานหรือเอกสารประกันภัยที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพ รักษาพยาบาล หรือหลักประกันอื่นตลอดระยะเวลาที่อยู่ในประเทศ ในวงเงินไม่น้อยกว่า 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือตามที่ทางราชการกำหนด ยกเว้นผู้เดินทางที่มีสัญชาติไทย หรือผู้เดินทางที่ไม่มีสัญชาติไทยแต่มีสิทธิในการตรวจรักษาพยาบาลตามที่กฏหมายบัญญัติ
5. ผู้เดินทางที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามข้อ 3 และข้อ 4 ต้องปฏิบัติตามมาตรการโรคอื่น ๆ ตามคำสั่งที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้โดยเคร่งครัด และให้โรงแรมสถานที่พัก หรือสถานที่กักกันตามที่ทางราชการกำหนด กำกับ ติดตาม ตรวจสอบการเข้าพัก การเข้าออกของผู้เดินทางตามหลักเกณฑ์หรือแนวทางที่ทางราชการกำหนด
สามารถตรวจสอบประกาศและมาตรการของแต่ละจังหวัดทั่วประเทศได้ตามลิงก์ด้านล่างนี้
http://www.moicovid.com/ข้อมูลสำคัญ-จังหวัด
อ้างอิง
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2565/E/048/T_0063.PDF
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/307/T_0067.PDF
https://www.facebook.com/100064772884025/posts/322538256581935/
##
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จากองค์การอนามัยโลก
https://www.who.int/thailand/emergencies/novel-coronavirus-2019/situation-reports
ศูนย์ข้อมูลกรมควบคุมโรคติดต่อ โทร 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง
https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/index.php
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ โทร +66 (0) 2694 6000
https://www.businesseventsthailand.com/en/situation-update-coronavirus-covid-19 หรือ info@tceb.or.th